วันพุธที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2561

บทที่3

บทที่3



ปรากฎการณ์ทางธรณีวิทยา



" ธรณีวิทยา "  หรือ  " Geology  "  คือ การศึกษาว่าโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เกิดขึ้นอย่างไร และประกอบด้วย  หินอะไรบ้าง กุญแจไขประวัติศาสตร์ของโลกซ่อนอยู่ในหินทั้งหลายนั้นเอง


นักธรณีวิทยาจะสำรวจพื้นที่และขุดลงไปยังหินในเปลือกโลก อายุกับธรรมชาติของหินและฟอสซิลจะช่วยให้นักธรณีวิทยาเข้าใจกระบวนการของโลกได้ นักธรณีวิทยายังช่วยในการค้นหาแหล่งถ่านหิน น้ำมัน และแร่ที่มีประโยชน์อื่นๆ นอกจากพวกเขาจะศึกษาพื้นที่ก่อนทำการก่อสร้างขนาดใหญ่ เช่น เขื่อน เพื่อให้แน่ใจว่าพื้นดินสามารถรองรับน้ำหนักมหาศาลได้


วิชาธรณีวิทยา ก่อให้เกิดวิชาแขนงที่เกี่ยวข้องต่างๆ ตามมาอีกมาก เช่น

- วิชาแร่วิทยา (Mineralogy)

-  วิชาศิลาวิทยา (Petrology)

-  วิชาธรณีสัณฐาน (Geomorphology)

-  วิชาธรณีเคมี (Geochemistry)

-  วิชาธรณีฟิสิกส์ (Geophysics)

-  วิชาตะกอนวิทยา (Sedimentology)

-  วิชาธรณีวิทยาโครงสร้าง (Structural Geology)

-  วิชาเศรษฐธรณีวิทยา (Economic Geology)

-  วิชาวิศวกรรมธรณี (Engineering Geology)

-  วิชาการลำดับชั้นหิน (Stratigraphy)

-  วิชาซากบรรพชีวิน หรือซากดึกดำบรรพ์ (Paleontology)

-  วิชาธรณีวิทยาปิโตรเลียม (Petroleum Geology)

และอื่นๆ อีกมากมาย



แผ่นดินไหว



-  เกิดจากการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกตามแนวรอยต่อของแผ่นธรณีภาค จนชั้นหินแตกหัก/เลื่อนตัวแล้วถ่ายโอนพลังงานศักย์ให้ชั้นหินอื่นที่ติดกันในรูปของคลื่นไหวสะเทือน


-  ตำแหน่งของจุดกำเนิดแผ่นดินไหว เรียกว่า ศูนย์เกิดแผ่นดินไหว ส่วนตำแหน่งบนผิวโลกที่อยู่เหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหวเรียกว่า จุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหว


-  เครื่องตรวจวัดและบันทึกการเกิดแผ่นดินไหวเรียกว่า ไซสโมกราฟ ทำงานโดยรับคลื่นไหวสะเทือนแล้วแปลงเป็นสัญญาณไฟฟ้า


- มาตราเมอร์คัลลี่ เป็นมาตราที่นักธรณีวิทยาแผ่นดินไหว ชาวอิตาเลียน กิเชปเป เมอร์คัลลี่ เป็นผู้คิดค้น สำหรับใช้ในการวัดความรุนแรงของแผ่นดินไหว 


- มาตราวัดขนาดของแผ่นดินไหว เรียกว่า มาตราริคเตอร์  เป็นมาตราที่นักธรณีวิทยาแผ่นดินไหว ซี.เอฟ.ริคเตอร์  เป็นผู้คิดค้นสำหรับใช้ในการกำหนดขนาดของแผ่นดินไหว


บริเวณที่เกิดแผ่นดินไหว


คือบริเวณรอยต่อของแผ่นธรณีภาค แนวรอยรอยต่อที่สำคัญ มี 3 แนวคือ


1. แนวรอยต่อล้อมรอบมหาสมุทรแปซิฟิก จัดว่าเป็นบริเวณที่เกิดค่อนข้างรุนแรงและมากที่สุด (80 %ของการเกิดแผ่นดินไหนทั่วโลก)


2. แนวรอยต่อภูเขาแอลป์ในยุโรปและหิมาลัยในเอเชีย (15 %)


3. แนวรอยต่อบริเวณแนวสันกลางมหาสมุทรต่างๆ (5%) เช่น เทือกเขากลางมหาสมุทรแอตแลนติก มหาสมุทรอินเดีย และ อาร์กติก


ภูเขาไฟ





-  เกิดจากการประทุของแมกมา ก๊าซ และเถ้าจากใต้เปลือกโลก


-  แมกมาจะถูกพ่นออกมาทางปล่องภูเขาไฟ หรือรอยแตกของภูเขาไฟ เมื่อขึ้นสู่ผิวโลกแล้วเรียกว่า ลาวา


-  เมื่อลาวาเย็นตัว จะกลายเป็นหินหลายชนิด เช่น หินบะซอลต์ หินพัมมิช เป็นต้น


-  เมื่อเกิดการระเบิดของภูเขาไฟแล้วจะทำให้เกิดภูมิประเทศใหม่ขึ้นมาหลายแบบ แต่แบบที่รู้จักกันมากและสวยงามคือ ภูเขาไฟรูปกรวย เกิดจาการทับถมซ้อนกันของลาวา เช่น ภูเขาไฟฟูจิยามา ภูเขาไฟเซนต์ เฮเลนส์ ในอเมริกา เป็นต้น


บริเวณที่มีภูเขาไฟของโลก


-  บริเวณที่เรียกว่า  วงแหวนแห่งไฟ  ได้แก่ประเทศ ประเทศญี่ปุ่น  ฟิลิปปินส์  ด้านตะวันตกของประเทศเม็กซิโก  และด้านตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา


-  เป็นบริเวณเดียวกันกับแหล่งที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยๆ


-  แผ่นธรณีภาคมีการเคลื่อนตัวตลอดเวลา โดยเฉพาะถ้าที่ชนกันแล้วมุดลอดเข้าไปใต้แผ่นธรณีภาคอีกแผ่นที่เป็นแผ่นทวีป จะเป็นสาเหตุการเกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด

อ้างอิง http://www.chaiyatos.com/

บทที่8

บทที่8 เทคโนโลยีอวกาศ เทคโนโลยีอวกาศ ความหมายของเทคโนโลยีอวกาศ อวกาศ หมายถึง อาณาบริวเวณอันกว้างใหญ่ที่อยู่เลยชั้นบรรยากาศของโลกอ...